ทดสอบทางจิตวิทยา โดยคลินิกสุขภาพจิต ปีติ คลินิก
Psychological testing
แบบทดสอบทางจิตวิทยามีหลายประเภท โดยมีจุดประสงค์เพื่อช่วยวิเคราะห์หรือเป็นมาตรวัดทักษะด้านต่างๆ เพื่อช่วยวินิจฉัยโรคและเพื่อทำความเข้าใจผู้ที่เข้ารับการปรึกษา หรือเป็นแบบคัดกรองสุขภาพจิตด้านต่างๆ
หากจิตแพทย์ตรวจประเมินแล้วเห็นว่าควรให้ผู้นั้นทำแบบทดสอบทางจิตวิทยาเพิ่มเติมเพื่อช่วยวิเคราะห์หรือวินิจฉัย จึงจะทำการนัดหมายให้พบนักจิตวิทยาเพื่อทำแบบทดสอบทางจิตวิทยาต่อไป
ตัวอย่างประเภทของแบบทดสอบทางจิตวิทยามีดังนี้
- แบบทดสอบความสามารถทางเชาว์ปัญญา (Intelligence Quotient Test : IQ Test)
- การทดสอบบุคลิกภาพ (Projective test)
- แบบทดสอบความถนัดทางอาชีพ (Career Interest test)
- แบบทดสอบวัดความสำเร็จทางวิชาการ (Achievement Test for Reading and Writing)
1. แบบทดสอบความสามารถทางเชาว์ปัญญา (Intelligence Quotient Test : IQ Test)
IQ test หรือแบบทดสอบความฉลาดทางเชาว์ปัญญา เป็นการทดสอบความสามารถทางสติปัญญาของบุคคลหนึ่ง โดยวัดจากความสามารถในการเรียนรู้ การคิด วิเคราะห์ แก้ปัญหา และการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ต่างๆ โดยแบ่งออกเป็น 2 ด้านหลักๆ ได้แก่ ด้านภาษา (Verbal) และด้านการปฏิบัติ (Performance)
ด้านภาษา (Verbal) ประกอบด้วยแบบทดสอบย่อย 6 ข้อ ดังนี้
- Information เป็นการทดสอบความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับความรู้รอบตัว
- Vocabulary เป็นการทดสอบความรู้เกี่ยวกับความหมายของคำศัพท์
- Similarities เป็นการทดสอบความสามารถในการเปรียบเทียบ ความคิดเชิงนามธรรมว่ามีความสัมพันธ์กันอย่างไร
- Comprehension เป็นการทดสอบความสามารถในการเข้าใจและประยุกต์ใช้ความรู้
- Arithmetic เป็นการทดสอบความสามารถในการคิดคำนวณ
- Digit Span เป็นการทดสอบความสามารถในการจำและจดจำลำดับตัวเลขสมาธิ ความจำระยะสั้น
ด้านการปฏิบัติ (Performance) ประกอบด้วยแบบทดสอบย่อย 7 ข้อ ดังนี้
- Picture Completion เป็นการทดสอบความสามารถในการจดจำและระบุรายละเอียดในภาพ
- Block Design เป็นการทดสอบความสามารถในการสร้างรูปภาพจากบล็อก
- Matrix Reasoning เป็นการทดสอบความสามารถในการคิดหาเหตุผลจากภาพ
- Symbol Search เป็นการทดสอบความสามารถในการค้นหาสัญลักษณ์ที่ตรงกับสัญลักษณ์ที่กำหนด
- Object Assembly เป็นการทดสอบความสามารถในการประกอบชิ้นส่วนวัตถุให้เป็นรูปร่างเดิม
- Digit Symbol เป็นการทดสอบความสามารถในการจดจำสัญลักษณ์และจับคู่กับตัวเลข
คะแนนจากแบบทดสอบจะถูกนำมาคำนวณเป็นคะแนนสติปัญญารวม (Full Scale IQ) และคะแนนย่อยในแต่ละด้าน โดยคะแนนสติปัญญารวมจะอยู่ระหว่าง 40 ถึง 160 โดยมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 100
2. การทดสอบบุคลิกภาพ (Projective test)
การทดสอบจิตวิทยา projective test เป็นเทคนิคการทดสอบบุคลิกภาพแบบหนึ่ง ซึ่งใช้วัสดุหรือสถานการณ์ที่คลุมเครือหรือเปิดกว้าง เพื่อให้ผู้ถูกทดสอบได้แสดงออกถึงความคิด ความรู้สึก ทัศนคติ ความเชื่อ และแรงจูงใจของตนเอง โดยไม่รู้สึกถูกกดดันหรือควบคุม
การทดสอบ projective test อาศัยหลักการที่ว่า บุคคลมักจะตอบสนองต่อสิ่งเร้าในลักษณะที่สะท้อนถึงบุคลิกภาพของตนเอง ตัวอย่างเช่น หากผู้ถูกทดสอบมองภาพคนที่กำลังโกรธ ผู้ทดสอบอาจตีความว่า ผู้ถูกทดสอบมีแนวโน้มที่จะแสดงอารมณ์โกรธออกมาได้ง่าย
การทดสอบ projective test มีหลายประเภท ตัวอย่างการทดสอบ projective test ที่เป็นที่รู้จักกันดี ได้แก่
- การทดสอบภาพ Rorschach (Rorschach Test) เป็นที่นิยมมากที่สุด การทดสอบนี้ใช้ภาพหมึก 10 ภาพ ซึ่งไม่มีความหมายที่ชัดเจน ผู้ถูกทดสอบจะต้องอธิบายว่าเห็นอะไรในภาพแต่ละภาพ
- การทดสอบ Thematic Apperception Test (TAT) เป็นภาพประกอบ 31 ภาพ ซึ่งแสดงถึงสถานการณ์ต่างๆ ผู้ถูกทดสอบจะต้องสร้างเรื่องราวเกี่ยวกับภาพแต่ละภาพ
การทดสอบ projective test มักใช้ร่วมกับการทดสอบบุคลิกภาพแบบอื่น เพื่อช่วยให้นักจิตวิทยามีข้อมูลเชิงลึกที่หลากหลายเกี่ยวกับบุคลิกภาพของผู้ถูกทดสอบและสามารถช่วยให้ผู้ถูกทดสอบแสดงออกอย่างอิสระและเปิดเผยมากขึ้น
อาการเกี่ยวกับสุขภาพจิตอาจมีมากกว่าที่คุณรู้
มีเรื่องสงสัย หาทางออกไม่ได้ ปรึกษาจิตแพทย์ได้ที่คลินิกสุขภาพจิต ปีติ คลินิก
3. แบบทดสอบความถนัดทางอาชีพ (Career Interest test)
เป็นแบบทดสอบความสนใจด้านอาชีพ แนวคิดพื้นฐานของแบบทดสอบ คือ บุคลิกภาพของแต่ละบุคคลมีความสอดคล้องกับอาชีพบางประเภท โดยยึดหลักทฤษฎีการเลือกอาชีพของ Holland แบ่งบุคลิกภาพออกเป็น 6 ประเภท ได้แก่
- Realistic (R) ชอบทำงานที่ใช้ทักษะทางกายภาพ ชอบทำงานกับสิ่งของ เครื่องมือ เครื่องจักร ชอบทำงานกลางแจ้ง
- Investigative (I) ชอบทำงานที่ใช้ความคิด ชอบทำงานกับตัวเลข สัญลักษณ์ ชอบหาคำตอบ
- Artistic (A) ชอบทำงานที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์ ชอบทำงานกับศิลปะ ดนตรี วรรณกรรม
- Social (S) ชอบทำงานที่เกี่ยวข้องกับผู้อื่น ชอบช่วยเหลือผู้อื่น ชอบทำงานในชุมชน
- Enterprising (E) ชอบทำงานที่ใช้ทักษะการติดต่อสื่อสาร ชอบทำงานกับผู้คน ชอบทำงานในองค์กร
- Conventional (C) ชอบทำงานที่เป็นไปตามกฎระเบียบ ชอบทำงานที่มีขั้นตอน ชอบทำงานในสำนักงาน
แบบทดสอบCareer Interest test ประกอบด้วยข้อสอบทั้งหมด 100 ข้อ ใช้เวลาในการทำประมาณ 30-45 นาที คะแนนจากแบบทดสอบจะถูกนำมาคำนวณเป็นคะแนนบุคลิกภาพทั้ง 6 ประเภท โดยคะแนนของแต่ละประเภทจะอยู่ระหว่าง 1 ถึง 9 โดยที่คะแนน 1 หมายถึง มีความสนใจน้อยที่สุด และคะแนน 9 หมายถึง มีความสนใจมากที่สุด
แบบทดสอบ Career Interest test สามารถใช้เพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ ดังนี้
- ช่วยให้บุคคลสามารถประเมินความสนใจด้านอาชีพของตนเองได้อย่างถูกต้อง
- ช่วยให้บุคคลสามารถวางแผนการศึกษาและการทำงานได้อย่างเหมาะสม
- ช่วยให้บุคคลสามารถค้นหาอาชีพที่เหมาะสมกับตนเอง
แบบทดสอบ Career Interest test เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการช่วยให้บุคคลสามารถค้นพบอาชีพที่เหมาะสมกับตนเอง อย่างไรก็ตาม ผลการทดสอบCareer Interest test เป็นเพียงข้อมูลส่วนหนึ่งเท่านั้น บุคคลควรพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ประกอบการตัดสินใจเลือกอาชีพด้วย เช่น ความสามารถ ทักษะ ประสบการณ์ และความชอบส่วนตัว
4. แบบทดสอบวัดความสำเร็จทางวิชาการ (Achievement Test for Reading and Writing)
เป็นแบบทดสอบวัดความสำเร็จทางวิชาการด้านทักษะการอ่านและการเขียนสำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย โดยแบ่งออกเป็นสองส่วนหลัก ได้แก่
1. การอ่าน (Reading) เป็นการทดสอบความสามารถในการอ่านและเข้าใจข้อความ โดยแบ่งออกเป็น 3 หมวดย่อย ได้แก่
- ความเข้าใจความหมายของข้อความ (Comprehension)
- การตีความข้อความ (Interpretation)
- การสรุปใจความสำคัญของข้อความ (Summary)
2. การเขียน (Writing) เป็นการทดสอบความสามารถในการเขียน โดยแบ่งออกเป็น 2 หมวดย่อย ได้แก่ทักษะ
- การเขียนข้อความ (Text Writing)
- ทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์ (Creative Writing)
คะแนนจากแบบทดสอบจะถูกนำมาคำนวณเป็นคะแนนรวมและคะแนนย่อยในแต่ละด้าน โดยคะแนนรวมจะอยู่ระหว่าง 200 ถึง 800 โดยมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 500
แบบทดสอบวัดความสำเร็จทางวิชาการ (Achievement Test) สามารถใช้เพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ ดังนี้
- การประเมินผลการเรียนของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย
- การประเมินความพร้อมของนักเรียนในการเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา
- การประเมินทักษะการอ่านและการเขียนภาษาไทยของนักเรียน
แบบทดสอบวัดความสำเร็จทางวิชาการมีประโยชน์ในการช่วยให้ครู ผู้ปกครอง และนักเรียนสามารถประเมินความสามารถด้านทักษะการอ่านและการเขียนของนักเรียนได้อย่างถูกต้อง และช่วยให้นักเรียนสามารถวางแผนการศึกษาได้อย่างเหมาะสม