กระตุ้นพัฒนาการ การปรับพฤติกรรม ฝึกเทคนิคการเลี้ยงลูก
(Early intervention, Behavior modification, Parenting skill) ไปกับทีมจิตแพทย์เด็ก ปีติ คลินิก
จิตแพทย์เด็กของเราพร้อมเป็นที่ปรึกษาเคียงข้างพ่อแม่ทุกคน
เพราะพัฒนาการของลูกเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้เป็นพ่อและแม่มีความสุขในทุก ๆ วัน ยิ่งช่วยกระตุ้นเท่าไร ก็จะยิ่งเป็นการช่วยให้พัฒนาการของพวกเขา เดินหน้าอย่างรวดเร็วขึ้นเท่านั้น
ทีมจิตแพทย์เด็กของปีติ คลินิก จึงมีบริการรองรับเพื่อเสริมสร้างพัฒนาการเหล่านี้ของเด็ก ให้มาตามเวลาที่สมควร เริ่มตั้งแต่การกระตุ้นที่ลูก และมอบเทคนิคสำหรับพ่อแม่
1. กระตุ้นพัฒนาการ (Early intervention)
การกระตุ้นพัฒนาการ (Early intervention) คือ การให้การช่วยเหลือเด็กตั้งแต่แรกเกิด ที่มีความบกพร่องทางพัฒนาการ หรือมีความเสี่ยงที่จะมีความบกพร่องทางพัฒนาการ เพื่อให้เด็กมีพัฒนาการตามวัยและสามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระในสังคม
การกระตุ้นพัฒนาการสามารถทำได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับความบกพร่องทางพัฒนาการของเด็ก เช่น การให้คำแนะนำแก่ผู้ปกครอง การให้การฝึกทักษะต่างๆ ให้กับเด็ก การจัดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับเด็ก เป็นต้น
การกระตุ้นพัฒนาการมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับเด็กที่มีความบกพร่องทางพัฒนาการ เนื่องจากเด็กกลุ่มนี้มักมีพัฒนาการล่าช้ากว่าเด็กปกติทั่วไป หากได้รับการกระตุ้นพัฒนาการอย่างเหมาะสมตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยให้เด็กสามารถพัฒนาทักษะต่างๆ ที่จำเป็นในการใช้ชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดโอกาสที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ตามมา เช่น ปัญหาด้านอารมณ์ พฤติกรรม และการเรียนรู้
ประโยชน์ของการกระตุ้นพัฒนาการ ได้แก่
- ช่วยให้เด็กมีพัฒนาการตามวัย
- ช่วยให้เด็กสามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระในสังคม
- ช่วยลดโอกาสที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ตามมา
เป้าหมายของการกระตุ้นพัฒนาการ ได้แก่
- ส่งเสริมพัฒนาการด้านสติปัญญา
- ส่งเสริมพัฒนาการด้านภาษา
- ส่งเสริมพัฒนาการด้านการเคลื่อนไหว
- ส่งเสริมพัฒนาการด้านอารมณ์และสังคม
- ส่งเสริมพัฒนาการด้านการช่วยเหลือตนเอง
รูปแบบของการกระตุ้นพัฒนาการ ได้แก่
- การกระตุ้นพัฒนาการแบบรายบุคคล (Individualized intervention)
- การกระตุ้นพัฒนาการแบบกลุ่ม (Group intervention)
- การกระตุ้นพัฒนาการแบบครอบครัว (Family-centered intervention)
ผู้ปกครองควรสังเกตพัฒนาการของเด็กอย่างใกล้ชิด หากพบว่าเด็กมีพัฒนาการล่าช้าหรือผิดปกติ ควรรีบพาเด็กไปพบแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ เพื่อรับการวินิจฉัยและวางแผนการกระตุ้นพัฒนาการที่เหมาะสม
2. การปรับพฤติกรรม (Behavior modification)
การปรับพฤติกรรม (Behavior modification) คือ การนำเอาหลักการและทฤษฎีทางจิตวิทยาการเรียนรู้มาประยุกต์ใช้อย่างเป็นระบบเพื่อช่วยเพิ่มศักยภาพ ความสามารถ ความเป็นตัวของตัวเอง และแก้ไขปัญหาของเด็ก โดยเน้นไปที่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่สังเกตเห็นได้หรือที่วัดได้
การปรับพฤติกรรมมีวัตถุประสงค์หลัก 3 ประการ ได้แก่
- ส่งเสริมพฤติกรรมที่เหมาะสมให้คงอยู่ต่อเนื่อง เช่น ส่งเสริมให้เด็กมีพฤติกรรมการเรียนที่ดี มีความรับผิดชอบ เป็นต้น
- ลดพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ เช่น พฤติกรรมก้าวร้าว พฤติกรรมติดยา พฤติกรรมติดเกม เป็นต้น
- สอนทักษะใหม่ๆ ให้กับบุคคล เช่น ทักษะการสื่อสาร ทักษะการแก้ปัญหา ทักษะการจัดการอารมณ์ เป็นต้น
การปรับพฤติกรรมสามารถประยุกต์ใช้ในการตั้งแต่เด็ก โดยอาจใช้กับเด็กทั่วไป หรือใช้กับเด็กที่มีภาวะผิดปกติทางจิตเวช เช่น ออทิสติก สมาธิสั้น โรคซึมเศร้า เป็นต้น
เทคนิคการปรับพฤติกรรมมีหลากหลายวิธี ขึ้นอยู่กับเป้าหมายที่ต้องการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ตัวอย่างเทคนิคการปรับพฤติกรรม ได้แก่
- การให้รางวัล (Reward) คือ การเสริมแรงให้บุคคลแสดงพฤติกรรมที่เหมาะสม โดยการให้รางวัลอาจเป็นการให้สิ่งของ การให้คำชม หรือการให้สถานภาพ เป็นต้น
- การลงโทษ (Punishment) คือ การลดแรงจูงใจให้บุคคลแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม โดยการลงโทษอาจเป็นการจำกัดพฤติกรรมบางอย่าง งดสิ่งที่อยากได้ เป็นต้น
- การปรับเปลี่ยนสิ่งแวดล้อม (Environmental modification) คือ การปรับสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการแสดงพฤติกรรมที่เหมาะสม หรือลดโอกาสในการแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม
- การฝึกทักษะ (Skill training) คือ การสอนทักษะใหม่ๆ ให้กับเด็ก เพื่อให้เด็กสามารถแสดงพฤติกรรมที่เหมาะสมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การปรับพฤติกรรมเป็นกระบวนการที่ใช้เวลาและต้องใช้ความอดทน โดยผู้ดำเนินการปรับพฤติกรรมควรมีความรู้ความเข้าใจในหลักการและทฤษฎีทางจิตวิทยาการเรียนรู้เป็นอย่างดี เพื่อให้สามารถออกแบบโปรแกรมการปรับพฤติกรรมที่เหมาะสมกับเด็กและเป้าหมายที่ต้องการโดยจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น หรือ นักจิตวิทยาจะนัดหมายมาฝึกปรับพฤติกรรมที่คลินิก และให้คำแนะนำผู้ปกครองไปฝึกปฏิบัติกับลูกต่อที่บ้าน
3. ฝึกเทคนิคการเลี้ยงลูก (Parenting skill)
การฝึกเทคนิคการเลี้ยงลูก (Parenting skill) คือ การเรียนรู้และฝึกฝนทักษะต่างๆ ที่จำเป็นในการเลี้ยงดูลูก เพื่อให้สามารถเลี้ยงลูกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ลูกมีพัฒนาการที่ดีทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา
ผู้ปกครองสามารถปรึกษาจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น หรือ นักจิตวิทยาที่คลินิก เพื่อวิเคราะห์แนวทางการเลี้ยงลูกให้เหมาะสมกับลูกของคุณได้
ทักษะการเลี้ยงลูกที่สำคัญ ได้แก่
- ทักษะการสื่อสาร พ่อแม่ควรสื่อสารกับลูกอย่างเหมาะสม ทั้งการพูด การฟัง และการแสดงออกทางสีหน้าท่าทาง
- ทักษะการอบรมสั่งสอน พ่อแม่ควรอบรมสั่งสอนลูกอย่างเหมาะสม เพื่อให้ลูกมีพฤติกรรมที่เหมาะสม
- ทักษะการจัดการอารมณ์ พ่อแม่ควรจัดการอารมณ์ของตนเองได้อย่างเหมาะสม เพื่อให้สามารถเลี้ยงลูกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ทักษะการแก้ปัญหา พ่อแม่ควรสอนให้ลูกรู้จักแก้ปัญหาด้วยตนเอง
- ทักษะการส่งเสริมพัฒนาการ พ่อแม่ควรส่งเสริมพัฒนาการของลูกในด้านต่างๆ
การฝึกเทคนิคการเลี้ยงลูกมีประโยชน์มากมาย เช่น
- ช่วยให้พ่อแม่สามารถเลี้ยงลูกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ช่วยให้ลูกมีพัฒนาการที่ดีทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา
- ช่วยให้ครอบครัวมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
ตัวอย่างการฝึกเทคนิคการเลี้ยงลูก เช่น
- พ่อแม่ควรพูดคุยกับลูกเป็นประจำ เพื่อให้ลูกรู้สึกอบอุ่นและได้รับการยอมรับ
- พ่อแม่ควรชื่นชมลูกเมื่อลูกทำดี เพื่อให้ลูกมีกำลังใจทำดีต่อไป
- พ่อแม่ควรอธิบายให้ลูกเข้าใจถึงเหตุผลของการกระทำต่างๆ ของพ่อแม่ เพื่อให้ลูกสามารถเข้าใจและปฏิบัติตามกฎระเบียบต่างๆ ของครอบครัว
- พ่อแม่ควรกำหนดขอบเขตและกฎเกณฑ์ให้ชัดเจน เพื่อให้ลูกรู้ว่าอะไรควรทำและอะไรไม่ควรทำ
- พ่อแม่ควรเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูก เพื่อให้ลูกสามารถเรียนรู้จากการกระทำของพ่อแม่
การฝึกเทคนิคการเลี้ยงลูกเป็นสิ่งสำคัญที่พ่อแม่ควรให้ความสำคัญ เพื่อให้สามารถเลี้ยงลูกได้อย่างมีประสิทธิภาพและช่วยให้ลูกเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ
ต้องการเทคนิคสำหรับเลี้ยงลูก กระตุ้นพัฒนาการของเด็กให้ก้าวหน้าตามวัย หรือปรับพฤติกรรมเด็ก
ปรึกษาทีมจิตแพทย์เด็ก ปีติ คลินิก