กังวลเรื่องลูกซน ลูกดื้อ จิตแพทย์เด็กมีคำตอบ
หากพ่อแม่รู้สึกว่าเกินจะรับมือไหว อย่าลังเลใจที่จะปรึกษาจิตแพทย์เด็ก
การเลี้ยงดูเด็กต้องอาศัยความอดทนและความเข้าใจ โดยเฉพาะเมื่อเด็กมีพฤติกรรมที่ซนหรือดื้อ การที่ลูกของคุณแสดงพฤติกรรมเช่นนี้อาจเป็นเรื่องที่ทำให้ผู้ปกครองรู้สึกกังวลและต้องการหาทางแก้ไข ซึ่งผู้ที่จะสามารถช่วยได้โดยตรงก็คือ จิตแพทย์เด็กและนักจิตวิทยา เพราะบุคคลเหล่านี้จะมีคำแนะนำและมุมมองที่สามารถช่วยทำความเข้าใจและจัดการกับสถานการณ์นี้ได้
สำหรับพ่อแม่ที่กำลังหาตัวช่วยให้ตนเองเข้าใจลูกน้อยของเรามากยิ่งขึ้น เมื่อลูกดื้อและซน สิ่งแรกที่เราควรทำความเข้าใจมากที่สุดก็คือ การทำความเข้าใจพัฒนาการตามช่วงวัยของลูก ๆ นั่นเอง
พัฒนาการตามช่วงวัยที่เกี่ยวกับพฤติกรรมดื้อและซน
ลูกซนและลูกดื้อเป็นส่วนหนึ่งของพัฒนาการตามวัยของเด็ก ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาตลอดช่วงวัยต่าง ๆ
- วัยทารก (0-2 ปี) :
- เด็กในช่วงวัยนี้เริ่มสำรวจโลกโดยการคืบ การคลาน เดิน และสัมผัสสิ่งต่าง ๆ
- ความอยากรู้อยากเห็นเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เด็กดูซน แท้จริงแล้วความอยากรู้อยากเห็นนี้จะช่วยให้เด็กได้เรียนรู้และสำรวจสิ่งต่าง ๆ รอบตัว
- พฤติกรรมดื้ออาจเกิดขึ้นเมื่อเด็กพยายามสื่อสารความต้องการหรือไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้
- วัยก่อนเข้าเรียน (2-5 ปี) :
- เด็กในวัยนี้เริ่มมีความเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น ท้าทายกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ของผู้ปกครอง
- พฤติกรรมดื้อเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาทักษะการตัดสินใจและการเรียนรู้เกี่ยวกับผลกระทบของสิ่งที่ตนได้กระทำลงไป
- เด็กอาจแสดงพฤติกรรมซนเพื่อเรียกร้องความสนใจหรือเมื่อรู้สึกไม่สบายใจ
- วัยประถม (6-12 ปี) :
- เด็กในวัยนี้เริ่มเข้าใจและปฏิบัติตามกฎเกณฑ์มากขึ้น แต่ยังคงมีความต้องการสำรวจและทดลองสิ่งใหม่ ๆ
- พฤติกรรมดื้ออาจเกิดขึ้นเมื่อเด็กพยายามแสดงความเป็นตัวของตัวเองหรือเมื่อต้องการท้าทายสิ่งที่พวกเขาเห็นว่าไม่ยุติธรรม
- การเข้าสังคมและการมีเพื่อนมีผลต่อพฤติกรรมของเด็กในวัยนี้
- วัยรุ่น (13-18 ปี) :
- วัยรุ่นเป็นช่วงเวลาที่มีการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและจิตใจอย่างมาก เด็กในวัยนี้มักต้องการความเป็นอิสระและพยายามหาตัวตนของตนเอง
- พฤติกรรมดื้ออาจเป็นผลจากความต้องการที่จะทดสอบขอบเขตหรือจากการต่อสู้กับความรู้สึกไม่มั่นคง
- ความซนในวัยรุ่นอาจเกี่ยวข้องกับการทดลองสิ่งใหม่ ๆ และการพยายามหาทางออกในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ
วิธีการรับมือกับพฤติกรรมซนและดื้อ
- การตั้งกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนและกำกับอย่างสม่ำเสมอ
การตั้งกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนและมีสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญในการช่วยให้เด็กเข้าใจถึงสิ่งที่ผู้ปกครองคาดหวัง การที่เด็กรับรู้ถึงกฎเกณฑ์และผลที่ตามมาจะช่วยลดพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ได้ดีขึ้น - การให้คำชม
การให้คำชมเมื่อเด็กแสดงพฤติกรรมที่ดีจะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจในตัวเด็กและทำให้พวกเขามีแนวโน้มที่จะแสดงพฤติกรรมที่ดีต่อไป การชมเชยลูกอย่างเหมาะสมควรมุ่งเน้นที่พฤติกรรมและความพยายามมากกว่าการชมเชยตัวบุคคลและผลลัพธ์ โดยการชมควรเป็นการชมที่เฉพาะเจาะจงและสอดคล้องกับความเป็นจริงเพื่อเสริมสร้างความมั่นใจและความอ่อนน้อมถ่อมตน การใช้การชมเป็นส่วนหนึ่งของการสนทนาช่วยให้เด็กไม่เหลิงและเข้าใจคุณค่าของการกระทำและความพยายามของตนเอง เช่น แทนที่จะพูดว่า "ลูกเก่งมาก" ควรพูดว่า "ลูกทำการบ้านเสร็จเร็วมากเลย ดีมากที่ลูกตั้งใจทำ" - การมีเวลาคุณภาพร่วมกับลูก
การให้เวลาและความสนใจแก่เด็กเป็นสิ่งสำคัญในการช่วยลดพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ เด็กที่รู้สึกว่าได้รับความสนใจจากผู้ปกครองจะมีความรู้สึกมั่นคงและมีแนวโน้มที่จะปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ การให้เวลาคุณภาพกับลูกควรมุ่งเน้นที่การทำกิจกรรมร่วมกันที่สนุกสนานและสร้างสรรค์ เช่น การเล่นเกม การอ่านหนังสือ หรือการทำอาหารร่วมกัน โดยควรให้ความสำคัญกับการฟังและพูดคุยกับลูกเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด การมีเวลาคุณภาพร่วมกับลูกช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์และพัฒนาทักษะของลูกในหลายด้าน - การให้เด็กมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา
การเสริมสร้างทักษะการแก้ไขปัญหาให้กับลูกควรมุ่งเน้นการสอนวิธีคิดเชิงวิเคราะห์และการวางแผนผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ที่ท้าทายและสนุกสนาน การให้เด็กมีส่วนร่วมในการหาทางแก้ไขปัญหาและให้คำแนะนำเมื่อจำเป็นช่วยให้ลูกพัฒนาทักษะนี้ การชมเชยและยอมรับความพยายามของเด็กเมื่อพวกเขาประสบความสำเร็จหรือเรียนรู้จากความล้มเหลวเป็นสิ่งสำคัญในการปรับพฤติกรรม
บทบาทของจิตแพทย์เด็ก
จิตแพทย์เด็กมีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือเด็กและครอบครัวในการจัดการกับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม โดยมีการใช้เทคนิคและวิธีการที่หลากหลายในการช่วยเสริมสร้างพฤติกรรมที่ดี และการให้คำแนะนำแก่ผู้ปกครองในการเลี้ยงดูเด็ก จิตแพทย์เด็กจะทำการประเมินพฤติกรรมของเด็กและให้คำปรึกษาแก่ผู้ปกครองเกี่ยวกับวิธีการจัดการกับพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ อาจใช้เทคนิคการบำบัดและการรักษาเพื่อช่วยให้เด็กสามารถควบคุมพฤติกรรมและพัฒนาทักษะการแก้ไขปัญหา จิตแพทย์เด็กจะวางแผนการดูแลเด็กร่วมกับครอบครัวและโรงเรียนเพื่อหาวิธีการที่เหมาะสมในการช่วยเหลือเด็กและส่งเสริมพฤติกรรมที่ดี
บทบาทของนักจิตวิทยา
นักจิตวิทยามีบทบาทที่สำคัญไม่แพ้กันในการช่วยเหลือเด็กที่มีพฤติกรรมซนหรือดื้อ โดยมีการใช้วิธีการที่แตกต่างออกไปจากจิตแพทย์เด็กในบางด้าน แต่ยังคงมีเป้าหมายเดียวกันในการเสริมสร้างพฤติกรรมที่ดีและช่วยให้เด็กพัฒนาตนเองได้เต็มที่
นักจิตวิทยาจะทำการประเมินพฤติกรรมและพัฒนาการของเด็กเพื่อหาสาเหตุของพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ รวมถึงการวิเคราะห์ปัจจัยต่าง ๆ ที่อาจมีผลต่อพฤติกรรมนั้น ใช้เทคนิคการบำบัดทางพฤติกรรมเพื่อช่วยให้เด็กเรียนรู้วิธีการควบคุมตนเองและปรับปรุงพฤติกรรม เทคนิคที่ใช้รวมถึงการเสริมแรงบวก การฝึกฝนทักษะทางสังคม และการสอนวิธีการจัดการกับความเครียด ให้คำปรึกษาแก่ผู้ปกครองเกี่ยวกับวิธีการเลี้ยงดูและการจัดการพฤติกรรมของเด็ก เพื่อให้ผู้ปกครองสามารถใช้วิธีการที่เหมาะสมในการส่งเสริมพฤติกรรมที่ดี นักจิตวิทยาจะทำงานร่วมกับครูและบุคลากรทางการศึกษาเพื่อหาวิธีการที่เหมาะสมในการสนับสนุนการเรียนรู้และพัฒนาการของเด็กในโรงเรียน
เมื่อไหร่ที่ควรปรึกษาจิตแพทย์เด็กหรือนักจิตวิทยา
ผู้เป็นพ่อเป็นแม่สามารถใช้หลักเกณฑ์ต่อไปนี้ในการพิจารณาตัดสินใจว่าควรจะพาลูกไปพบจิตแพทย์เด็กหรือนักจิตวิทยาแล้วหรือไม่ ดังนี้
- พฤติกรรมของเด็กมีความรุนแรงและเป็นอันตรายต่อเด็กเองหรือผู้อื่น
- พฤติกรรมของเด็กไม่สามารถจัดการได้ด้วยวิธีการปกติ ตามคำแนะนำข้างต้น
- พฤติกรรมของเด็กส่งผลต่อการเรียนและการเข้าสังคม
เพราะเด็กเป็นช่วงวัยแห่งการเรียนรู้และเติบโต ดังนั้นการดูแลสภาพจิตใจของพวกเขาอย่างใกล้ชิด รวมถึงให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์กับพวกเขา จึงเป็นสิ่งที่พ่อแม่ควรให้ความใส่ใจ
หากคุณรู้สึกว่าไม่สามารถรับมือกับพฤติกรรมดื้อหรือซนของลูก ๆ ได้ตามวิธีที่ควรจะเป็น ที่คลินิกสุขภาพจิต ปีติ คลินิก เรามีทีมจิตแพทย์เด็กผู้เชี่ยวชาญ พร้อมให้คำแนะนำและปรึกษาที่เหมาะสมให้แก่ลูกน้อยของคุณ รวมถึงบริการรักษาอาการทางจิตอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นการรักษาสมาธิสั้น รักษาแพนิค รักษาโรคซึมเศร้าในเด็ก เพื่อการเติบโตอย่างมั่นคงทั้งร่างกายและจิตใจของลูกน้อยที่คุณรัก
ต้องการปรึกษาจิตแพทย์เด็ก ติดต่อ ปีติ คลินิก
เบอร์โทรศัพท์ : 090 230 6000
Line : @piticlinic
อีเมล : piticlinic.co@gmail.com
Facebook : Piti Clinic ปีติ คลินิก