อะไรคือ ‘โรคแพนิค’ อย่าวางใจ ศึกษาและรักษาแพนิคก่อนจะสาย
วิธีการรับมือ และวิธีรักษาแพนิค ให้คำแนะนำโดยจิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
คุณเคยตกใจจนหายใจลำบาก หรือรู้สึกมือสั่น ใจเต้นเร็วเมื่อเจอกับอะไรบางอย่างหรือไม่ อาการนี้เป็นเพียงสิ่งที่เกิดชั่วครู่ชั่วยาม หรือเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่าคุณกำลังเผชิญกับโรค “แพนิค” กันแน่
วันนี้ ปีติ คลินิก คลินิกสุขภาพจิต เราจะขอมาแบ่งปันเรื่องราวของโรคแพนิค ชื่อโรคที่หลายคนต้องเคยได้ยินผ่านหู รวมถึงอาการ Panic Attack ที่เกิดขึ้นกับหลายคนในหลายสถานการณ์ รวมถึงวิธีเตรียมรับมือรักษาแพนิค ไปจนถึงอาการแทรกซ้อนที่ควรระวัง เพื่อให้คุณสามารถจัดการกับสภาพจิตใจของตนเองได้ถูก และหาคนช่วยเหลือได้ทันท่วงที
โรคแพนิค คืออะไร
โรคแพนิค (Panic Disorder) เป็นโรคทางจิตเวชชนิดหนึ่ง โดยมีอาการสำคัญคือ มีความรู้สึกกังวลและความกลัวอย่างรุนแรงแบบทันทีทันใดโดยไม่มีสาเหตุกระตุ้นที่ชัดเจน อาการหลักของโรคนี้คือการมีอาการแพนิคแอทแทค (Panic Attack) ซึ่งเป็นการเกิดอาการกลัวและกังวลอย่างเฉียบพลัน อาการที่พบได้บ่อยในแพนิคแอทแทค ได้แก่
- หัวใจเต้นเร็วหรือเต้นผิดจังหวะ: ผู้ป่วยมักจะรู้สึกว่าหัวใจเต้นเร็วมาก หรือเต้นผิดจังหวะ ซึ่งทำให้เกิดความรู้สึกเหมือนจะเป็นลม
- เหงื่อออกมาก: ผู้ป่วยอาจรู้สึกเหงื่อออกทั่วร่างกาย โดยเฉพาะที่ฝ่ามือ ฝ่าเท้า หรือหน้า
- หายใจลำบากหรือรู้สึกหายใจไม่เต็มปอด: อาการนี้อาจทำให้ผู้ป่วยรู้สึกเหมือนหายใจไม่เต็มที่ หรือหายใจติดขัด ทำให้เกิดความกลัวและกังวลมากขึ้น
- เวียนศีรษะหรือรู้สึกเหมือนจะเป็นลม: การมีอาการเวียนศีรษะทำให้ผู้ป่วยรู้สึกไม่มั่นคง และมีความกลัวว่าจะเป็นลม
- เจ็บหน้าอก: ผู้ป่วยอาจรู้สึกเจ็บหน้าอก ซึ่งบางครั้งอาจทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นอาการของโรคหัวใจ
- รู้สึกอึดอัดหรือหมดหวัง: ผู้ป่วยอาจมีความรู้สึกว่าตนเองไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ และมีความกลัวว่าจะเกิดอะไรที่เลวร้าย
- กลัวจะสูญเสียการควบคุมตัวเองหรือกลัวจะตาย: ความกลัวนี้เป็นอาการที่พบบ่อยที่สุดในแพนิคแอทแทค
แค่ความกลัวเฉียบพลัน (Panic Attack) หรือโรคแพนิค (Panic Disorder)
การเกิดแพนิคแอทแทคเพียงครั้งเดียวไม่ถือว่าเป็นโรคแพนิค แต่หากมีการเกิดแพนิคแอทแทคซ้ำ ๆ และมีความกังวลเกี่ยวกับการเกิดขึ้นของแพนิคแอทแทคในอนาคต รวมถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่อาจกระตุ้นให้เกิดแพนิคแอทแทค ก็อาจเป็นสัญญาณของโรคแพนิคได้
การวินิจฉัยว่าเป็นโรคแพนิคจะต้องอาศัยเกณฑ์ดังนี้:
- ผู้ป่วยต้องมีการเกิดอาการแพนิคแอทแทคซ้ำ ๆ อย่างน้อยหนึ่งครั้ง ซึ่งอาการแพนิคแอทแทคจะต้องประกอบไปด้วยอาการดังต่อไปนี้อย่างน้อย 4 อาการในเวลาเดียวกัน และเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยที่อาการถึงจุดสูงสุดภายในไม่กี่นาที:
- หัวใจเต้นเร็วหรือเต้นผิดจังหวะ
- เหงื่อออกมาก
- หายใจลำบากหรือรู้สึกหายใจไม่เต็มปอด
- อาการเวียนศีรษะหรือรู้สึกเหมือนจะเป็นลม
- เจ็บหน้าอกหรือรู้สึกไม่สบายที่หน้าอก
- อาการคลื่นไส้หรือปวดท้อง
- อาการรู้สึกหนาวสั่นหรือมีอาการร้อนวูบวาบ
- ความรู้สึกชา หรือเสียวที่มือ เท้า หรือหน้า
- อาการรู้สึกไม่จริง (derealization) หรือรู้สึกแยกตัวออกจากร่างกาย (depersonalization)
- กลัวว่าจะสูญเสียการควบคุมตัวเองหรือกลัวว่าจะเป็นบ้า
- กลัวว่าจะตาย
- หลังจากการเกิดอาการแพนิคแอทแทคอย่างน้อยหนึ่งครั้ง จะต้องมีอาการใดอาการหนึ่งหรือมากกว่า ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องอย่างน้อยหนึ่งเดือน:
- ความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับการเกิดแพนิคแอทแทคครั้งต่อไป หรือความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของอาการ เช่น กลัวว่าจะสูญเสียการควบคุมตัวเอง กลัวว่าจะมีอาการรุนแรงถึงตาย
- การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่เห็นได้ชัดเจนเพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดอาการแพนิคแอทแทค เช่น การหลีกเลี่ยงสถานการณ์หรือสถานที่ที่อาจกระตุ้นให้เกิดอาการ
- อาการแพนิคแอทแทคไม่ได้เกิดจากผลของสารเสพติดหรือความผิดปกติทางด้านร่างกาย เช่น ภาวะความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคไทรอยด์
- อาการแพนิคแอทแทคและความกังวลที่เกี่ยวข้องไม่ใช่อาการโรคจิตเวชอื่น ๆ เช่น โรคกลัว (Phobia) โรควิตกกังวลทั่วไป (Generalized Anxiety Disorder) โรคซึมเศร้า (Major Depressive Disorder) หรือโรคความเครียดจากเหตุการณ์รุนแรง (Post-Traumatic Stress Disorder)
ความเข้าใจผิดที่พบบ่อยเกี่ยวกับโรคแพนิค ศึกษาให้ชัดเจนเผื่อเป็นแนวทางรักษาแพนิค
มีหลายความเข้าใจผิดเกี่ยวกับโรคแพนิค ซึ่งบางครั้งอาจทำให้ผู้ป่วยไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม ยกตัวอย่างเช่น
- โรคแพนิคเป็นเพียงอาการเครียดชั่วคราว: หลายคนอาจคิดว่าโรคแพนิคเป็นเพียงการเกิดอาการเครียดหรือกังวลในระยะสั้น แต่จริง ๆ แล้วโรคแพนิคเป็นโรคทางจิตเวชที่มีผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของผู้ป่วยและต้องการการรักษาอย่างเหมาะสม
- แพนิคแอทแทคจะเกิดขึ้นเฉพาะในสถานการณ์ที่กดดันหรือเครียดเท่านั้น: ความจริงคือแพนิคแอทแทคสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ แม้ในสถานการณ์ที่ดูไม่น่าจะกระตุ้นความกังวล เช่น ในขณะที่นั่งพักผ่อนอยู่บ้านหรือในขณะทำกิจกรรมที่เป็นปกติ
- ผู้ที่มีอาการแพนิคแอทแทคเป็นคนที่มีจิตใจอ่อนแอ: ผู้ที่มีอาการแพนิคแอทแทคไม่ได้เป็นคนที่มีจิตใจอ่อนแอ แต่เป็นผู้ที่มีความอาการของโรคทางจิตเวชที่ต้องการการรักษา
- การหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่อาจกระตุ้นให้เกิดแพนิคแอทแทคเป็นวิธีที่ดีที่สุด: การหลีกเลี่ยงสถานการณ์อาจช่วยลดความกังวลชั่วคราว แต่ในระยะยาวอาจทำให้ผู้ป่วยมีการหลีกเลี่ยงมากขึ้นและมีความกลัวมากขึ้น การรักษาที่เหมาะสมคือการเรียนรู้วิธีการจัดการกับความกังวลและอาการแพนิคแอทแทค
การรักษาแพนิค
การรักษาแพนิคประกอบด้วยการใช้ยาและการจิตบำบัด ซึ่งการรักษาทั้งสองแบบช่วยให้ผู้ป่วยสามารถกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติ
- การรักษาด้วยยา: ยาที่ใช้ในการรักษาแพนิค คือ ยากลุ่ม SSRI (Selective Serotonin Reuptake Inhibitors) และเบนโซไดอะซีพีน (Benzodiazepines) ซึ่งยากลุ่ม SSRI เช่น Fluoxetine Sertraline และ Paroxetine จะช่วยเพิ่มระดับสารเซโรโทนินในสมอง ซึ่งมีผลในการลดความกังวลและลดอาการแพนิคแอทแทค ส่วนยากลุ่มเบนโซไดอะซีพีน เช่น Diazepam และ Lorazepam จะช่วยลดความตึงเครียดและอาการแพนิคแอทแทคในระยะสั้น
- การจิตบำบัด: การบำบัดด้วยวิธีปรับความคิดและพฤติกรรม (Cognitive Behavioral Therapy) เป็นวิธีที่ได้รับการยอมรับว่ามีประสิทธิภาพในการรักษาโรคแพนิค โดยการช่วยให้ผู้ป่วยสามารถจัดการกับความคิดและพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเกิดแพนิคแอทแทค วิธีนี้จะช่วยให้ผู้ป่วยเรียนรู้วิธีการเปลี่ยนแปลงความคิดเชิงลบ และปรับวิธีการตอบสนองต่อสถานการณ์ที่กระตุ้นให้เกิดกลัวและความกังวล นอกจากนี้ยังมีการฝึกเทคนิคการหายใจและการผ่อนคลายเพื่อช่วยลดอาการแพนิคแอทแทค
ภาวะแทรกซ้อนหากไม่ได้รับการรักษาแพนิค
หากไม่ได้รักษาแพนิค อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ที่มีผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของผู้ป่วยอย่างมาก ได้แก่
- การหลีกเลี่ยงสถานการณ์หรือสถานที่ที่อาจกระตุ้นให้เกิดแพนิคแอทแทค: การหลีกเลี่ยงอาจทำให้ผู้ป่วยมีข้อจำกัดในการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การหลีกเลี่ยงการขับรถ การไม่ไปยังสถานที่ที่มีคนมาก หรือการไม่เข้าร่วมกิจกรรมทางสังคม ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการทำงานและความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง
- การเกิดโรคซึมเศร้าหรือโรควิตกกังวล: ผู้ป่วยโรคแพนิคที่ไม่ได้รับการรักษาอาจมีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคซึมเศร้าหรือโรควิตกกังวลร่วม ซึ่งทำให้การรักษาแพนิคยากขึ้นและอาจต้องใช้การรักษาที่ซับซ้อนมากขึ้น
- การเสพสารเสพติดหรือการดื่มแอลกอฮอล์เพื่อช่วยลดความกังวล: บางคนอาจหันไปพึ่งพาสารเสพติดหรือแอลกอฮอล์เพื่อลดอาการแพนิค ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพเพิ่มเติมและทำให้การรักษาแพนิคยากขึ้น
- คุณภาพชีวิตแย่ลง: การมีอาการแพนิคแอทแทคซ้ำๆ และความกังวลที่เกิดขึ้นอาจทำให้ผู้ป่วยรู้สึกไม่มีความสุขและไม่มีคุณภาพชีวิตที่ดี ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพกายและจิตใจในระยะยาว
การช่วยเหลือครอบครัวและบุคคลใกล้ชิด
นอกจากการรักษาด้วยยาและการจิตบำบัดแล้ว การดูแลและการช่วยเหลือจากครอบครัวและสังคมมีความสำคัญอย่างมากในการช่วยให้ผู้ป่วยโรคแพนิคสามารถฟื้นฟูสภาพจิตใจและกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติ การให้ความเข้าใจและการช่วยเหลือจากคนรอบข้างสามารถช่วยลดความกังวลและความกลัวของผู้ป่วยได้
- การให้ข้อมูลเกี่ยวกับโรคแพนิคและการรักษาแก่ครอบครัวและคนรอบข้างจะช่วยให้พวกเขามีความเข้าใจและสามารถให้การดูแลที่เหมาะสมแก่ผู้ป่วย
- การให้ความเข้าใจและการประคับประคองจิตจากครอบครัวและเพื่อนฝูงจะช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกไม่โดดเดี่ยวและมีความมั่นใจในการเผชิญกับอาการแพนิคแอทแทค
- การสนับสนุนให้ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมที่เป็นประโยชน์และทำให้รู้สึกผ่อนคลาย เช่น การออกกำลังกาย หรือการทำกิจกรรมที่ชื่นชอบ จะช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกมีความสุขและลดความกังวล
โรคแพนิคเป็นโรคทางจิตเวชที่สามารถรักษาได้ด้วยการใช้ยาและการจิตบำบัด การได้รับการรักษาแพนิคอย่างเหมาะสมและการช่วยเหลือจากครอบครัวและสังคมมีความสำคัญในการช่วยให้ผู้ป่วยสามารถฟื้นฟูสภาพจิตใจและกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติ การมีความเข้าใจและการดูแลอย่างใกล้ชิดจะช่วยลดความกังวลและความกลัวของผู้ป่วย และทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ปีติ คลินิก คลินิกจิตเวช เราพร้อมเป็นผู้ให้คำปรึกษาและดูแลสภาพจิตใจของคุณอย่างใกล้ชิด เรามีทีมจิตแพทย์ทั่วไป จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น จิตแพทย์ผู้สูง ไปจนถึงทีมนักจิตวิทยาและนักบำบัดที่มีความเชี่ยวชาญในการให้ดูแลผู้ป่วยจิตเวช รวมถึงผู้ที่มีความผิดปกติทางจิตใจ
นอกจากรักษาแพนิคแล้ว ทางคลินิกของเรายังรับรักษาโรคซึมเศร้า รักษาสมาธิสั้นในเด็ก รับปรึกษาปัญหาชีวิตของวัยทำงานหรือผู้ใหญ่วัยเกษียณ ไปจนถึงอาการบางประเภทที่คุณอาจประสบพบเจอในชีวิตประจำวัน เช่น รักษาอาการนอนไม่หลับ สามารถติดต่อเพื่อรับคำปรึกษาเบื้องต้นกับเราได้ หากรู้สึกรับมือด้วยตนเองไม่ไหว อย่าลังเลที่จะปรึกษาจิตแพทย์ทันที
ต้องการปรึกษาก่อนเข้ารับบริการรักษาแพนิค ติดต่อ ปีติ คลินิก
เบอร์โทรศัพท์ : 090 230 6000
Line : @piticlinic
อีเมล : piticlinic.co@gmail.com
Facebook : Piti Clinic ปีติ คลินิก